วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Learn Along with Sesame Season 1, Ep. 10 "For Me, For You, For Later"


Product Details
Episode 10, "For Me, For You, For Later"
Synopsis: For Me, for You, for Later Full Special.
Original air date: April 12, 2011
Runtime: 17 minutes
ASIN: B00500PCPI

George R. R. Martin's A Game of Thrones 4-Book Boxed Set: A Game of Thrones, A Clash of Kings, A Storm of Swords, and A Feast for Crows (A Song of Ice and Fire) [Print] [Paperback]



Offers Price: $19.77 & for FREE Super Saver Shipping on orders over $25.You Save up to: (45%) or more on George R. R. Martin's A Game of Thrones 4-Book Boxed Set
about this product
George R. R. Martin's A Song of Ice and Fire series has become, in many ways, the gold standard for modern epic fantasy. Martin—dubbed the “American Tolkien” by Time magazine—has created a world that is as rich and vital as any piece of historical fiction, set in an age of knights and chivalry and filled with a plethora of fascinating, multidimensional characters that you love, hate to love, or love to hate as they struggle for control of a divided kingdom. It is this very vitality that has led it to be adapted as the HBO miniseries “Game of Thrones.” ,I think that product ,you used it now,you may also like me, and you can compare price at the best price at befow link click Cheap George R. R. Martin's A Game of Thrones 4-Book Boxed Set:

BMW X3 xDrive20d เจ๋งกว่าเดิม-โดนทุกใจ

       หลังจากค่ายใบพัดสีฟ้าบีเอ็มดับเบิลยูปล่อยไอ้ตัวเล็ก “X1” สู่ตลาดเมื่อต้นปี ได้รับการตอบรับลูกค้าเป็นอย่างดี เพื่อตอบสนองครบทุกความต้องการ ในไลน์ผลิตภัณฑ์รถอเนกประสงค์แบบเอสยูวี(SUV) ระดับหรู หรือที่บีเอ็มดับเบิลยูให้นิยามใหม่ว่า SAV (Sports Activity Vehicle) จึงได้ส่งโฉมใหม่ของ “X3” สู่ตลาด เพื่อท้าชนกับคู่แข่ง “RX270” จากเลกซัสที่ชิงกวาดยอดขายไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
     
       บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย นับว่าให้ความสำคัญกับตลาดรถอเนกประสงค์มากทีเดียว เพราะถึงกับขึ้นไลน์ผลิตรุ่น X1 และแน่นอน X3 ย่อมเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ขณะนี้จึงได้ขึ้นไลน์ประกอบที่โรงงานในจังหวัดระยอง คาดว่าจะออกจากไลน์ผลิตสู่ตลาดได้ในช่วงไตรมาสสามของปีนี้
      
       ดังนั้นเพื่อปูกระแสและยืนยันสมรรถนะที่บอกว่า “แจ่มกว่าเดิม” บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย จึงยกขบวนสื่อมวลชน และตัวแทนจำหน่ายไปลองขับ “X3 xDrive20d” หรือรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งจะเป็นตัวธงของรถอเนกประสงค์รุ่นนี้ ด้วยการบินลัดฟ้าไปพิสูจน์สมรรถนะ ทั้งเส้นทางเรียบตรง ทางภูเขาคดคดโค้งเป็นงูกินหาง และได้ลองขับเบาๆ ในสไตล์ออฟโรด ณ ไร่ชาวังพุดตานบนดอยแม่สลอง ให้สมกับคอนเซ็ปต์ของรถ “JOY WANTS YOU TO HAVE IT ALL”
     
       พอเดินออกจากอาคารสนามบิน ทีมสื่อมวลชนก็พบกับ X3 xDrive20d จอดเรียงกัน 7 คันไว้รอต้อนรับอยู่แล้ว ซึ่งเพียงแค่พบหน้ารู้สึกได้ทันทีว่า โฉมใหม่ของ X3 นี่มันถูกถ่ายทอดมาจากตัวพี่ X5 มาอย่างมาก และดูเหมือนจะย่อส่วนลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งหากเทียบกับรุ่นเดิมรู้สึกใหญ่กว่าชัดเจน และก็เป็นเช่นนั้นจริง เพราะมีขนาดตัวถังเพิ่มทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นความยาว กว้าง สูง และฐานล้อ หรือห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ แต่เห็นใหญ่ขึ้นอย่างนี้น้ำหนักรถลดลงจากรุ่นเดิม 15 กิโลกรั
      
       จุดประสงค์ของการขยายตัวถังให้ใหญ่ขึ้น เพื่อปรับบุคลิกเดิมๆ ของรุ่นก่อนหรือมีรหัสเรียกว่า E83 จากจะเน้นความเป็นสปอร์ตมาสู่ความหรูหรามากขึ้นในโฉมใหม่ ภายใต้ชื่อรหัส F25 เหตุนี้ห้องโดยสารของ X3 จึงมีขนาดกว้างขวาง ไม่จะเป็นด้านหน้า หรือด้านหลัง ซึ่งรู้สึกได้ทันทีเมื่อเข้าไปนั่งภายในระหว่างรอการเดินทางได้มีโอกาสเดิน สำรวจดูรอบคัน แม้จะเป็นการปรับโฉมใหม่ แต่บีเอ็มดับเบิลยูยังคงเอกลักษ์ของตนเอง กระจังหน้าแนวตั้งพร้อมสัญลักษณ์ ‘ไตคู่’ ขนาดใหญ่ แต่กลับดูไหล่ลื่นไปกับลายเส้นต่างๆ ที่คมคายชัดเจนเป็น 3 มิติ ไม่ว่าจะฝากระโปรง กันชนหน้า ด้านข้าง และด้านหลังที่ติดตั้งไฟท้าย LED ทำให้รู้สึกปราดเปรียวสปอร์ตเช่นกัน ถึงโฉมใหม่ของ X3 จะถูกออกแบบเน้นความหรูหราบึกบึนขึ้นก็ตาม
     
       การออกแบบรูปทรงของแดชบอร์ด เน้นเส้นสายที่เรียบง่าย ประณีต โดดเด่นด้วยพื้นผิวที่ให้แสงเงาในมุมมองสามมิติ พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานจัดวางตำแหน่งของอุปกรณ์แสดงผล และปุ่มบังคับควบคุมต่างๆ ถูกวางไว้อย่างเหมาะสมใช้งานง่ายสะดวกมือ และจอแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 8.8 นิ้ว ว่ากันว่าใหญ่สุดในเซกเม้นท์ มาพร้อมกับระบบนำทาง โดยคอนโซลกลางและแดชบอร์ดเอียงทำมุมเข้าผู้ขับ ให้ความรู้สึกเฉกเช่นรถสปอร์ต อีกทั้งยังเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูด้วย
      
       เมื่อสัญญาณพร้อมออกเดินทาง “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” รับหน้าที่ขับมือแรก เหยียบเบรกกดปุ่ม Auto Start/Stop ที่อยู่บนแผงคอนโซน ตรงหลังพวงมาลัยด้านซ้ายมือ เครื่องยนต์ดีเซลแบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยีระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบแปรผัน เริ่มทำงานอย่างนุ่มนวล ด้วยกำลัง 184 แรงม้า และแรงบิด 380 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,750 รอบต่อนาที ซึ่งมากกว่ารุ่นเดิมซะอีก
     
       หลังจากล้อหมุนออกเดินทาง ขุมกำลังถูกขับเคลื่อนผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ซึ่งเป็นอีกจุดที่แตกต่างจากรุ่นเดิมที่เป็นแบบ 6 สปีด ได้แสดงสมรรถนะให้เห็น การทำงานของเกียร์ไหลลื่นนุ่มนวล และอัตราทดเกียร์ที่สั้น ทำให้การออกตัว เร่งแซง และในย่านความเร็วสูงไหลลื่นทีเดียว โดยเฉพาะบนถนนหลวงมุ่งสู่ดอยแม่สลอง
     
       เมื่อบวกกับขุมพลังและแรงบิดที่มากขึ้น X3 จึงพุ่งทะยานตามใจต้องการ อัตราเร่งตอบสนองได้ดี เพียงแค่กดคันเร่งเบา ๆ ก็ทะยานไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูกล่าวอ้างอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำเวลาภายใน 8.5 วินาที และจากความรู้สึกน่าจะเป็นเช่นกัน ขณะที่ความเร็วต่ำก็ตอบสนองทันใจ แม้ในจังหวะเร่งแซงกระชั้นชิด น้ำหนักเบรกกำลังดี แต่พวงมาลัยไฟฟ้าของ X3 ใหม่ ค่อนข้างจะเบาไปหน่อย ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจเท่าไหร่ ทั้งที่การบังคับค่อนข้างคมทีเดียว อาจจะเป็นเพราะบีเอ็มดับเบิลยูปรับบุคลิกโฉมใหม่ เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่เข้าไป ทำให้ผู้หญิงอาจจะรู้สึกชอบมากขึ้นก็ได้
      
       ช่วงขึ้นภูเขาสู่ดอยแม่สลอง เส้นทางคดโค้งไปมาเหมือนงูเลื้อย ขุมพลังและแรงบิดมหาศาลแสดงสมรรถนะได้สมราคาคุย แต่ยังไงความเป็นรถทรงสูง แม้ X3 ใหม่ การกระจายน้ำหนักอย่างสมดุลหน้า-หลัง 50:50 และยังมีระบบช่วงล่างอันทันสมัย ที่ใช้ระบบปีกนกแบบ Double-joint สำหรับด้านหน้า และระบบมัลติลิงค์ 5 จุด สำหรับด้านหลัง แต่ในโหมดมาตรฐานทุกครั้งที่สตาร์ทเครื่องยนต์ ซึ่งเน้นความนุ่มนวลของการขับขี่ และพวงมาลัยที่เบา จึงทำให้รู้สึกไม่มั่นใจเท่าไหร่ ในการเข้าโค้งแรงหน่อย หรือไหลอย่างต่อเนื่อง
     
       แต่บีเอ็มดับเบิลยูรู้ในจุดนี้อยู่แล้ว และต้องการรักษาอารมณ์การขับขี่แบบสปอร์ตไว้ครบครัน จึงมีโหมดสปอร์ต(Sport) ที่จะปรับช่วงล่างให้สปอร์ตขึ้น คันเร่งตอบสนองรวดเร็วกว่า และสามารถเลือกให้จังหวะเปลี่ยนเกียร์ที่รอบเครื่องยนต์สูงขึ้น พวงมาลัยคมขึ้น และยังมีโหมดสปอร์ตพลัส(Sport+) ช่วงล่างแบบสปอร์ตสุดๆ เข้าโหมด DTC สามารถดริฟท์ไดเล็กน้อย ก่อนระบบจะเขาโหมดควบคมเสถียรภาพ โดยจะมีปุ่มกดง่ายๆ ข้างคันเกียร์ด้านขวา หรือติดกับเบาะนั่งผู้ขับ
     
       ดังนั้นเมื่อขึ้นเขาทางคดเคี้ยว จึงเปลี่ยนมาใช้โหมดสปอร์ต รู้สึกได้ทันทีกับพวงมาลัยที่หน่วงขึ้นชัดเจน ทำให้การขับขี่มั่นใจยิ่งขึ้น และเมื่อบวกกับแรงบิด 380 นิวตัน-เมตร จึงไม่หวั่นที่ควบเจ้า X3 xDrive20d ลัดเลาะภูสูงสู่ดอยแม่สลอง
      
       บนดอยแม่สลองถือเป็นแหล่งปลูกชาขึ้นชื่อของไทย ไร่ชากว้างผืนใหญ่กระจายเต็มขุนเขาไปหมด โอกาสนี้บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย จึงได้ให้ลองขับบนเส้นทางออฟโรดเบาๆ ในไร่ชาวังดุดตาล เพื่อทดสอบระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ xDrive ที่สามารถแปรผันกำลังขับเคลื่อนไปสู่ล้อทั้งสี่ อีกทั้งยังมีออปชั่นระบบ DDC (Dynamic Damper Control) ที่ทำหน้าที่ปรับความนุ่ม-แข็งของระบบช่วงล่าง พร้อมกับระบบ Performance Control ที่ทำงานด้วยระบบ Torque Vectoring เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายแรงขับเคลื่อนสำหรับล้อคู่หลัง โดยระบบนี้จะทำงานสัมพันธ์กับระบบ xDrive ทำให้สามารถถ่ายทอดกำลังขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพสูงสุดในทุกรูปแบบของพื้น ผิวถนน
     
       จุดเด่นอีกอย่างของ X3 ใหม่ เห็นจะเป็นระบบ HDC(Hill Descent Control) ควบคุมความเร็วลงเขา-ทางลาดชัน ที่เพียงแค่กดปุ่มข้างคันเกียร์เยื้องมาด้านหลังเท่านั้น ระบบจะทำงานอัตโนมัติควบคุมความเร็วรถให้เหมาะสม โดยไม่ต้องเหยียบเบรก และหากช้าไปก็เพียงกดคันเร่ง หรือท่านขี้เกียจใช้เท้า จะดันปุ่มเพิ่ม/ลดความเร็วบนพวงมาลัยแทนก็ได้สบายๆ
     
       ในการลองขับครั้งนี้ไม่ได้เน้นเรื่องการประหยัดน้ำมัน แต่ดูจากมาตรวัดลดลงไปไม่ถึงสองขีด นับจากตอนเริ่มสตาร์ท ซึ่งรวมระยะทางกว่า 140 กิโลเมตร แต่ทางบีเอ็มดับดับเบิลยูระบุว่า X3 xDrive20d มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 17.9 กม./ลิตร และคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์(Co2) เพียง 147 แต่ในสภาพเส้นทางเช่นนี้คงไม่ถึงขนาดนั้นแน่นอน
      
       บทสรุปของ “บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d” คงต้องบอกว่า... เหนือกว่ารุ่นเดิมมาก ไม่ว่าจะสมรรถนะการขับขี่ หรืออุปกรณ์และเทคโนโลยีต่างๆ ที่ให้มา แถมยังตอบสนองทุกความต้องการของผู้ขับขี่ได้อีก ขณะที่ราคาเครื่องดีเซลและเบนซินยังยืนใกล้เคียงเดิม ระดับ 3.3-3.9 ล้านบาท

ขอบคุณข้อมูลจากเว๊บไซต์
http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9540000066922