บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย นับว่าให้ความสำคัญกับตลาดรถอเนกประสงค์มากทีเดียว เพราะถึงกับขึ้นไลน์ผลิตรุ่น X1 และแน่นอน X3 ย่อมเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ขณะนี้จึงได้ขึ้นไลน์ประกอบที่โรงงานในจังหวัดระยอง คาดว่าจะออกจากไลน์ผลิตสู่ตลาดได้ในช่วงไตรมาสสามของปีนี้ | |||
พอเดินออกจากอาคารสนามบิน ทีมสื่อมวลชนก็พบกับ X3 xDrive20d จอดเรียงกัน 7 คันไว้รอต้อนรับอยู่แล้ว ซึ่งเพียงแค่พบหน้ารู้สึกได้ทันทีว่า โฉมใหม่ของ X3 นี่มันถูกถ่ายทอดมาจากตัวพี่ X5 มาอย่างมาก และดูเหมือนจะย่อส่วนลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งหากเทียบกับรุ่นเดิมรู้สึกใหญ่กว่าชัดเจน และก็เป็นเช่นนั้นจริง เพราะมีขนาดตัวถังเพิ่มทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นความยาว กว้าง สูง และฐานล้อ หรือห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ แต่เห็นใหญ่ขึ้นอย่างนี้น้ำหนักรถลดลงจากรุ่นเดิม 15 กิโลกรัม | |||
การออกแบบรูปทรงของแดชบอร์ด เน้นเส้นสายที่เรียบง่าย ประณีต โดดเด่นด้วยพื้นผิวที่ให้แสงเงาในมุมมองสามมิติ พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานจัดวางตำแหน่งของอุปกรณ์แสดงผล และปุ่มบังคับควบคุมต่างๆ ถูกวางไว้อย่างเหมาะสมใช้งานง่ายสะดวกมือ และจอแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 8.8 นิ้ว ว่ากันว่าใหญ่สุดในเซกเม้นท์ มาพร้อมกับระบบนำทาง โดยคอนโซลกลางและแดชบอร์ดเอียงทำมุมเข้าผู้ขับ ให้ความรู้สึกเฉกเช่นรถสปอร์ต อีกทั้งยังเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูด้วย | |||
หลังจากล้อหมุนออกเดินทาง ขุมกำลังถูกขับเคลื่อนผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ซึ่งเป็นอีกจุดที่แตกต่างจากรุ่นเดิมที่เป็นแบบ 6 สปีด ได้แสดงสมรรถนะให้เห็น การทำงานของเกียร์ไหลลื่นนุ่มนวล และอัตราทดเกียร์ที่สั้น ทำให้การออกตัว เร่งแซง และในย่านความเร็วสูงไหลลื่นทีเดียว โดยเฉพาะบนถนนหลวงมุ่งสู่ดอยแม่สลอง เมื่อบวกกับขุมพลังและแรงบิดที่มากขึ้น X3 จึงพุ่งทะยานตามใจต้องการ อัตราเร่งตอบสนองได้ดี เพียงแค่กดคันเร่งเบา ๆ ก็ทะยานไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูกล่าวอ้างอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำเวลาภายใน 8.5 วินาที และจากความรู้สึกน่าจะเป็นเช่นกัน ขณะที่ความเร็วต่ำก็ตอบสนองทันใจ แม้ในจังหวะเร่งแซงกระชั้นชิด น้ำหนักเบรกกำลังดี แต่พวงมาลัยไฟฟ้าของ X3 ใหม่ ค่อนข้างจะเบาไปหน่อย ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจเท่าไหร่ ทั้งที่การบังคับค่อนข้างคมทีเดียว อาจจะเป็นเพราะบีเอ็มดับเบิลยูปรับบุคลิกโฉมใหม่ เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่เข้าไป ทำให้ผู้หญิงอาจจะรู้สึกชอบมากขึ้นก็ได้ | |||
แต่บีเอ็มดับเบิลยูรู้ในจุดนี้อยู่แล้ว และต้องการรักษาอารมณ์การขับขี่แบบสปอร์ตไว้ครบครัน จึงมีโหมดสปอร์ต(Sport) ที่จะปรับช่วงล่างให้สปอร์ตขึ้น คันเร่งตอบสนองรวดเร็วกว่า และสามารถเลือกให้จังหวะเปลี่ยนเกียร์ที่รอบเครื่องยนต์สูงขึ้น พวงมาลัยคมขึ้น และยังมีโหมดสปอร์ตพลัส(Sport+) ช่วงล่างแบบสปอร์ตสุดๆ เข้าโหมด DTC สามารถดริฟท์ไดเล็กน้อย ก่อนระบบจะเขาโหมดควบคมเสถียรภาพ โดยจะมีปุ่มกดง่ายๆ ข้างคันเกียร์ด้านขวา หรือติดกับเบาะนั่งผู้ขับ ดังนั้นเมื่อขึ้นเขาทางคดเคี้ยว จึงเปลี่ยนมาใช้โหมดสปอร์ต รู้สึกได้ทันทีกับพวงมาลัยที่หน่วงขึ้นชัดเจน ทำให้การขับขี่มั่นใจยิ่งขึ้น และเมื่อบวกกับแรงบิด 380 นิวตัน-เมตร จึงไม่หวั่นที่ควบเจ้า X3 xDrive20d ลัดเลาะภูสูงสู่ดอยแม่สลอง | |||
จุดเด่นอีกอย่างของ X3 ใหม่ เห็นจะเป็นระบบ HDC(Hill Descent Control) ควบคุมความเร็วลงเขา-ทางลาดชัน ที่เพียงแค่กดปุ่มข้างคันเกียร์เยื้องมาด้านหลังเท่านั้น ระบบจะทำงานอัตโนมัติควบคุมความเร็วรถให้เหมาะสม โดยไม่ต้องเหยียบเบรก และหากช้าไปก็เพียงกดคันเร่ง หรือท่านขี้เกียจใช้เท้า จะดันปุ่มเพิ่ม/ลดความเร็วบนพวงมาลัยแทนก็ได้สบายๆ ในการลองขับครั้งนี้ไม่ได้เน้นเรื่องการประหยัดน้ำมัน แต่ดูจากมาตรวัดลดลงไปไม่ถึงสองขีด นับจากตอนเริ่มสตาร์ท ซึ่งรวมระยะทางกว่า 140 กิโลเมตร แต่ทางบีเอ็มดับดับเบิลยูระบุว่า X3 xDrive20d มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 17.9 กม./ลิตร และคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์(Co2) เพียง 147 แต่ในสภาพเส้นทางเช่นนี้คงไม่ถึงขนาดนั้นแน่นอน | |||
ขอบคุณข้อมูลจากเว๊บไซต์
http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9540000066922
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น